คอลัมน์ Zoom contentนอกจากปี 2549 จะเป็นปีมหามงคลยิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ปีนี้ยังถือเป็นปีแรกที่ สมาคมอสังหาริมทรัพย์นานาชาติ (FLABCI-THAILAND) ชื่อย่อว่า "เฟบซี" องค์กรภายใต้สมาพันธ์อสังหาริมทรัพย์ระหว่างประเทศ (International Real Estate Federation) จัด "ประชุอสังหาริมทรัพย์โลก" ที่โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล ลาดพร้าว เมื่อ 26-31 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีกูรูด้านอสังหาฯจาก 50 ประเทศทั่วโลก รวม 600 กว่ารายมาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน แต่กลุ่มที.ซี.ซี.แคปปิตอลแลนด์ กลับทำ สำเร็จ โดยอาสาขอรับบทเจ้าบุญทุ่มในฐานะสปอนเซอร์หลักจัดงานดังกล่าว ขณะที่ในแต่ละปีจะมีสมาชิกหลายๆ ประเทศต่างเสนอตัวขอเป็น "เจ้าภาพ" กันมาก แต่ความโชคดีตกมาอยู่ที่ "ทายาท" เจ้าสัวเบียร์ช้าง "วัลลภา-โสมพัฒน์ ไตรโสรัส" โดยมีซีอีโอชาวสิงคโปร์ "เฉิน เหลียน ปัง" แห่งบริษัทร่วมทุนที.ซี.ซี.แคปปิตอลแลนด์เป็นแบ็คอัพอีกชั้นหนึ่ง ทำให้ภาพและบทบาทในวงกว้างของยักษ์อสังหาฯเจ้านี้ แผ่ขยายไปไกลมากขึ้น ไม่ได้ใหญ่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น ว่ากันว่า วิธีการที่จะให้ FLABCI ตัดสินใจว่า จะให้ประเทศใดได้รับการคัดเลือกเป็น "เจ้าภาพ" นั้น ไม่แตกต่างไปจากการประมูลงานใหญ่ๆ หรือการเข้าชิงเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิก อันที่จริงแล้วการประชุม "เฟบซี" ปีนี้ต?องเป็นคิวของเกาหลีใต้ แต่เนื่องจากมีข้อติดขัดบางประ การ ทำให้ไม่สามารถรับเป็นเจ้าภาพได้ ส้มจึงหล่นใส่ประเทศไทยอย่างน่าแปลกใจ ทั้งๆ ที่ประเทศไทยเพิ่งเป็นสมาชิกองค์กรนี้ได้แค่ปีเศษเท่านั้น ถามว่า ผู้ประกอบการคนไทยเจ้าอื่น และกลุ่มที.ซี.ซี.ฯจะได้อะไร ถ้าจะตอบทันทีในเวลานี้คงจะเร็วเกินไป แต่รู้มาว่า กิจกรรมกึ่ง ๆ วิชาการครั้งนี้ ถือเป็นเกมการตลาดอย่างหนึ่งที่ TCC Capital Land ต้องการตอกย้ำแบรนด์และเฝ้าคอยดอกผลในระยะยาว ซึ่งจะเป็นผลดีเต็มๆกับน้องใหม่ค่ายนี้อย่างคาดไม่ถึง "รศ.มานพ พงศทัต" หนึ่งในกูรูด้านวิชาการอสังหาฯ ในฐานะประธานสมาคม "เฟบซี" บอกว่า เป้าหมายหลักจริงๆของเฟบซีคือเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลประโยชน์ แต่ต้องการแลกเปลี่ยนความรู้ในหมู่มวลสมาชิกมากกว่า เพราะในโลกนี้เราต้องมีเพื่อนธุรกิจ แชร์ประสบการณ์กันและกัน เครือข่ายหรือ network ก็จะขยายวงมากขึ้น แม้การประชุมจะจัดแค่ 2 ปีครั้งก็ตามแต่ความหลากหลายของสมาชิกหลายเชื้อชาติที่มาจอยกัน อาทิ ญี่ปุ่น จีน อังกฤษ มาเลเซีย สิงคโปร์ สวีเดน เนเธอร์แลนด์ ไต้หวัน นอร์เวย์ และประเทศไทย อย่างน้อยก็ช่วยให้บรรยากาศตลาดอสังหาฯในขณะนี้ดูไม่หงอยจนเกินไป "เราต้องการให้เวทีนี้เป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งดี ๆ ที่ผู้มีประสบการณ์จากทั่วโลกมาร่วมแชร์ความรู้ วิธีการ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ทั้งงานก่อสร้างและเทคนิคทางการเงินในการพัฒนาธุรกิจอสังหาฯในอนาคต" "ดาโต๊ะ อลัน ตง" อดีตประธาน FLABCI ยอมรับว่า โอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาลงทุนในไทยมีสูงมาก แต่ข้อกฎหมายโดยเฉพาะเรื่องสัดส่วนการถือหุ้นที่รัฐบาลไทยอนุญาตให้คนต่างชาติถือได้เพียง 49% ยังเป็นอุปสรรคก็ตาม "ในมุมบวกถือว่ากฎหมายไทยยังมีความยืดหยุนมากกว่าอีกหลายๆประเทศ"ดาโต๊ะ อลัน ตง หยอดคำหวาน และมองว่า ที่ดินเปล่าที่รอการพัฒนาในเมืองท่องเที่ยวสำคัญๆ เช่น ภูเก็ต หัวหิน ฯลฯ ยังเป็นที่ต้องการของนักลงทุนมาก โอกาสที่ประเทศไทยจะยกระดับตัวเองจากการพัฒนาและเพิ่มมูลค่าตลาดในด้านอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นไปได้มากเช่นกัน
จากหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 05 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 30 ฉบับที่ 3798 (2998)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น