ดีเวลลอปเปอร์เตรียมทึ้งทำเลพื้นที่สีเขียวตามผังกทม. โซนตะวันตก-ตะวันออก เกือบ 300,000 ไร่ เปิดทางพัฒนาบ้านเดี่ยว 100 ตารางวาได้ -ตะลึง!พื้นที่ ก.4ผุดทาวน์เอ้าส์/คอนโดฯได้อย่างมหัศจรรย์ แถมราคาที่ดินถูกกว่าพื้นที่สีเหลืองหลายเท่าตัว ขณะที่พื้นที่สีเหลืองย.1-ย.2 ถูกบีบสร้างได้เฉพาะบ้านเดี่ยว 50-100 ตารางวาเท่ากัน ราคาที่ดินพุ่ง เยียบแสน
แหล่งข่าวระดับสูงจากกรุงเทพมหานครเปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่ามีเอกชนจำนวนมากกำลังให้ความสนใจที่ดินพื้นที่สีเขียวหรือที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรมทั้งโซนตะวันตกและโซนตะวันออกของกทม. หรือ พื้นที่ ก.3 และก.4 ได้แก่ เขตทวีวัฒนา ,หนองแขม ,บางบอน บางขุนเทียน ,หนองจอก อีกทั้งที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม หรือ ที่ดินสีเขียวทะแยงขาวก.2 บริเวณโซนตะวันตก ของกทม. ได้แก่ เขตตลิ่งชัน และบางแค ตามผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครปี2549 จำนวนกว่า 400 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ เกือบ 300,000 ไร่ จากพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้งหมด 1,600 ตารางกิโลเมตร
ทั้งนี้นอกจากจะกำหนดให้เป็นพื้นที่เกษตรกรรม และ พื้นที่อนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรมแล้ว ยังเปิดโอกาสให้เอกชนเข้าไปพัฒนาโครงการจัดสรรที่ดินได้ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องมีขนาดแปลงที่ดินตั้งแต่ 100 ตารางวาขึ้นไป ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตผู้ประกอบการจะเข้าไปซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการขายจำนวนมาก เนื่องจากราคาที่ดินบริเวณดังกล่าวจะถูกกว่าพื้นที่สีเหลืองหรือที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อยหลายเท่าตัว
อย่างไรกีพื้นที่ ย.1 หรือที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย กำหนดให้พัฒนาได้เฉพาะบ้านเดี่ยวหรือบ้านแฝด ขนาด 100 ตารางวาขึ้นไป และที่ดินประเภทย.2 ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย ที่กำหนดให้พัฒนาได้เฉพาะบ้านเดี่ยวหรือบ้านแฝดขนาด 50 ตารางวาขึ้นไป และที่ดินประเภท ย.3 และย.4 ที่กำหนดให้พัฒนาทาวน์เฮ้าส์ได้ เป็นต้น อย่างไรก็ดี แม้ว่าพื้นที่สีเขียวราคาที่ดินจะถูกกว่าก็จริงแต่ระบบสาธารรูปโภคของรัฐยังเข้าไปไม่ถึงซึ่งผู้บริโภคจะต้องเป็นผู้ตัดสินใจ แต่เข้าใจว่าในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าของกทม. รถไฟฟ้าของรัฐบาล และแนวถนนใหม่ๆเกิดขึ้นก็จะมีความสะดวกสบายต่อการเดินทางมากขึ้น
ทางด้านนายประสงค์ เอาฬาร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่าในอนาคตอันใกล้พื้นที่สีเขียวหรือที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรมจะกลายเป็นทำเลยอดนิยมสำหรับผู้ประกอบการที่จะเข้าไปซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาบ้านเดี่ยวขนาด 100 ตารางวา ราคาไม่เกิน 3ล้านบาทขายได้อย่างสบาย หากผู้ประกอบการไม่แสวงหากำไรมากเกินควร เนื่องจาก ราคาที่ดินถูกเฉลี่ยตก 15,000-20,000บาท/ตารางวา ซึ่งเกิดจากผังเมืองกำหนดให้เป็นพื้นที่เพื่อการเกษตรนั่นเอง
นอกจากนี้ ที่น่าประหลาดใจมากก็คือ พื้นที่ก.4 ที่ดินประเภทเกษตรกรรม ได้แก่ บริเวณเขตหนองจอกบางส่วน เช่นบริเวณถนนสรงประภา ,ถนนเชื่อมสัมพันธ์ , ถนนสุวินทวงค์, คลองประเวศน์บุรีรมย์ ฯลฯ ซึ่งเป็นโอกาสให้พัฒนาที่ดินได้เกือบทุกประเภท อาทิ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ อาคารชุดหอพัก ตลอดจน พาณิชยกรรมได้ ซึ่งทราบว่าบริเวณดังกล่าวกทม.จะพัฒนาเป็นเมืองใหม่หรืออุทยานคร รองรับสนามบินสุวรรณภูมิ และพื้นที่ก.4 บริเวณโซนตะวันตกของกทม. ได้แก่ เขตทวีวัฒนา เขตบางขุนเทียน และ เขตหนองแขมบางบริเวณ
ในขณะที่พื้นที่สีเหลืองที่กำหนดให้เป็นโซนที่อยู่อาศัยหนาแน่น้อย โดยเฉพาะพื้นที่ ย.1 กำหนดให้สร้างได้เฉพาะบ้านเดี่ยวขนาด 100 ตารางวาขึ้นไป และย.2 สร้างได้เฉพาะบ้านเดี่ยวขนาด 50 ตารางวาขึ้นไปราคาที่ดินจะแพงกว่าพื้นที่สีเขียวหลายเท่าตัวเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท/ตารางวา ได้แก่ บริเวณเขตทุ่งครุบางบริเวณ อาทิ คลอง คลองราชพฤกษ์ ,คลองรางโพธิ์ คลองท่าเกวียน ฯลฯ ,เขต สายไหมบางบริเวณอาทิ คลองจรเข้โพรง ,คลองอ้ายแป้ง , ซอยวัดพระร่วงประสิทธิ์ ฯลฯ ,เขตสะพานสูงบางบริเวณอาทิ คลองสองต้นนุน ,ถนนร่มเกล้าฯลฯ เขตคลองสามวา บางบริเวณ ได้แก่ คลองพระยาสุเรนทร์ ,คลองหนองระแหง ,คลองลำแบน,คลองสามวาตะวันตก ถนนหทัยราษฎ์ คลองสองวาตะวันตก ,คลอง สี่ตะวันตก ฯลฯ
ส่วนในพื้นที่ ย.3และย.4 ที่กำหนดให้สร้างทาวน์เฮ้าส์ได้ ราคาที่ดินเฉลี่ยในซอยประมาณ กว่า 50,000บาท /ตารางวา และติดริมถนนใหญ่อย่างดอนเมือง หลักสี่ บางกระปิ รามคำแหง รามอินทรา ฯลฯ ราคากว่า100,000บาท/ตารางวา ซึ่งเชื่อว่าทั้งย.3 และย.4 ผู้ประกอบการจะเปลี่ยนแผนพัฒนาจากทาวน์เฮ้าส์ เป็น ทาวน์โฮม หรือไม่ก็บ้านเดี่ยวระดับกลางบนไปเลยเพื่อคุ้มต้นทุน ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ที่ดินที่ได้เปรียบในเชิงพัฒนาที่อยู่อาศัยในอนาคตในเขตกทม.โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวน่าจะเป็นพื้นที่สีเขียว อย่างไรก็ดี แม้จะอยู่ชานเมืองแต่ในกทม. และรัฐบาลจะมีรถไฟฟ้าตลอดจนระบบขนส่งมวลชนเข้าไปเชื่อม ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อผู้บริโภคในอนาคต
สอดคล้องกับนายอิสระ บุญยัง อุปนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่ผู้ประกอบการจะเข้าไปพัฒนาบ้านเดี่ยวในพื้นที่สีเขียวมากขึ้นเนื่องจากต้นทุนราคาที่ดินต่ำ ในขณะเดียวกันพื้นที่ที่ถือว่าน่าจะเป็นทำเลทองที่เอกชนสนใจจะเป็นพื้นที่ก.4 หรือ ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม ซึ่งสามารถพัฒนาได้หลายรูปแบบ ทั้งบ้านเดี่ยว, ทาวน์เฮ้าส์, คอนโดมิเนียม, อาร์พาร์ทเม้นท์ ,หอพัก ตลอดจนพาณิชยรรม ต่างๆ สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งหมดในโซน ตะวันออกและตะวันตกของกทม. อาทิ บริเวณคลองประเวศน์บุรีรมย์ ,ถนนเชื่อมสัมพันธ์ตัดกับถนนสุวิทวงค์ ในเขตหนองจอกเป็นต้น แม้ว่าผังเมืองจะกำหนดให้เป็นพื้นที่เกษตรกรรมก็ตาม
แหล่งข่าวระดับสูงจากกรุงเทพมหานครเปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่ามีเอกชนจำนวนมากกำลังให้ความสนใจที่ดินพื้นที่สีเขียวหรือที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรมทั้งโซนตะวันตกและโซนตะวันออกของกทม. หรือ พื้นที่ ก.3 และก.4 ได้แก่ เขตทวีวัฒนา ,หนองแขม ,บางบอน บางขุนเทียน ,หนองจอก อีกทั้งที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม หรือ ที่ดินสีเขียวทะแยงขาวก.2 บริเวณโซนตะวันตก ของกทม. ได้แก่ เขตตลิ่งชัน และบางแค ตามผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครปี2549 จำนวนกว่า 400 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ เกือบ 300,000 ไร่ จากพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้งหมด 1,600 ตารางกิโลเมตร
ทั้งนี้นอกจากจะกำหนดให้เป็นพื้นที่เกษตรกรรม และ พื้นที่อนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรมแล้ว ยังเปิดโอกาสให้เอกชนเข้าไปพัฒนาโครงการจัดสรรที่ดินได้ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องมีขนาดแปลงที่ดินตั้งแต่ 100 ตารางวาขึ้นไป ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตผู้ประกอบการจะเข้าไปซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการขายจำนวนมาก เนื่องจากราคาที่ดินบริเวณดังกล่าวจะถูกกว่าพื้นที่สีเหลืองหรือที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อยหลายเท่าตัว
อย่างไรกีพื้นที่ ย.1 หรือที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย กำหนดให้พัฒนาได้เฉพาะบ้านเดี่ยวหรือบ้านแฝด ขนาด 100 ตารางวาขึ้นไป และที่ดินประเภทย.2 ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย ที่กำหนดให้พัฒนาได้เฉพาะบ้านเดี่ยวหรือบ้านแฝดขนาด 50 ตารางวาขึ้นไป และที่ดินประเภท ย.3 และย.4 ที่กำหนดให้พัฒนาทาวน์เฮ้าส์ได้ เป็นต้น อย่างไรก็ดี แม้ว่าพื้นที่สีเขียวราคาที่ดินจะถูกกว่าก็จริงแต่ระบบสาธารรูปโภคของรัฐยังเข้าไปไม่ถึงซึ่งผู้บริโภคจะต้องเป็นผู้ตัดสินใจ แต่เข้าใจว่าในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าของกทม. รถไฟฟ้าของรัฐบาล และแนวถนนใหม่ๆเกิดขึ้นก็จะมีความสะดวกสบายต่อการเดินทางมากขึ้น
ทางด้านนายประสงค์ เอาฬาร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่าในอนาคตอันใกล้พื้นที่สีเขียวหรือที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรมจะกลายเป็นทำเลยอดนิยมสำหรับผู้ประกอบการที่จะเข้าไปซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาบ้านเดี่ยวขนาด 100 ตารางวา ราคาไม่เกิน 3ล้านบาทขายได้อย่างสบาย หากผู้ประกอบการไม่แสวงหากำไรมากเกินควร เนื่องจาก ราคาที่ดินถูกเฉลี่ยตก 15,000-20,000บาท/ตารางวา ซึ่งเกิดจากผังเมืองกำหนดให้เป็นพื้นที่เพื่อการเกษตรนั่นเอง
นอกจากนี้ ที่น่าประหลาดใจมากก็คือ พื้นที่ก.4 ที่ดินประเภทเกษตรกรรม ได้แก่ บริเวณเขตหนองจอกบางส่วน เช่นบริเวณถนนสรงประภา ,ถนนเชื่อมสัมพันธ์ , ถนนสุวินทวงค์, คลองประเวศน์บุรีรมย์ ฯลฯ ซึ่งเป็นโอกาสให้พัฒนาที่ดินได้เกือบทุกประเภท อาทิ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ อาคารชุดหอพัก ตลอดจน พาณิชยกรรมได้ ซึ่งทราบว่าบริเวณดังกล่าวกทม.จะพัฒนาเป็นเมืองใหม่หรืออุทยานคร รองรับสนามบินสุวรรณภูมิ และพื้นที่ก.4 บริเวณโซนตะวันตกของกทม. ได้แก่ เขตทวีวัฒนา เขตบางขุนเทียน และ เขตหนองแขมบางบริเวณ
ในขณะที่พื้นที่สีเหลืองที่กำหนดให้เป็นโซนที่อยู่อาศัยหนาแน่น้อย โดยเฉพาะพื้นที่ ย.1 กำหนดให้สร้างได้เฉพาะบ้านเดี่ยวขนาด 100 ตารางวาขึ้นไป และย.2 สร้างได้เฉพาะบ้านเดี่ยวขนาด 50 ตารางวาขึ้นไปราคาที่ดินจะแพงกว่าพื้นที่สีเขียวหลายเท่าตัวเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท/ตารางวา ได้แก่ บริเวณเขตทุ่งครุบางบริเวณ อาทิ คลอง คลองราชพฤกษ์ ,คลองรางโพธิ์ คลองท่าเกวียน ฯลฯ ,เขต สายไหมบางบริเวณอาทิ คลองจรเข้โพรง ,คลองอ้ายแป้ง , ซอยวัดพระร่วงประสิทธิ์ ฯลฯ ,เขตสะพานสูงบางบริเวณอาทิ คลองสองต้นนุน ,ถนนร่มเกล้าฯลฯ เขตคลองสามวา บางบริเวณ ได้แก่ คลองพระยาสุเรนทร์ ,คลองหนองระแหง ,คลองลำแบน,คลองสามวาตะวันตก ถนนหทัยราษฎ์ คลองสองวาตะวันตก ,คลอง สี่ตะวันตก ฯลฯ
ส่วนในพื้นที่ ย.3และย.4 ที่กำหนดให้สร้างทาวน์เฮ้าส์ได้ ราคาที่ดินเฉลี่ยในซอยประมาณ กว่า 50,000บาท /ตารางวา และติดริมถนนใหญ่อย่างดอนเมือง หลักสี่ บางกระปิ รามคำแหง รามอินทรา ฯลฯ ราคากว่า100,000บาท/ตารางวา ซึ่งเชื่อว่าทั้งย.3 และย.4 ผู้ประกอบการจะเปลี่ยนแผนพัฒนาจากทาวน์เฮ้าส์ เป็น ทาวน์โฮม หรือไม่ก็บ้านเดี่ยวระดับกลางบนไปเลยเพื่อคุ้มต้นทุน ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ที่ดินที่ได้เปรียบในเชิงพัฒนาที่อยู่อาศัยในอนาคตในเขตกทม.โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวน่าจะเป็นพื้นที่สีเขียว อย่างไรก็ดี แม้จะอยู่ชานเมืองแต่ในกทม. และรัฐบาลจะมีรถไฟฟ้าตลอดจนระบบขนส่งมวลชนเข้าไปเชื่อม ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อผู้บริโภคในอนาคต
สอดคล้องกับนายอิสระ บุญยัง อุปนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่ผู้ประกอบการจะเข้าไปพัฒนาบ้านเดี่ยวในพื้นที่สีเขียวมากขึ้นเนื่องจากต้นทุนราคาที่ดินต่ำ ในขณะเดียวกันพื้นที่ที่ถือว่าน่าจะเป็นทำเลทองที่เอกชนสนใจจะเป็นพื้นที่ก.4 หรือ ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม ซึ่งสามารถพัฒนาได้หลายรูปแบบ ทั้งบ้านเดี่ยว, ทาวน์เฮ้าส์, คอนโดมิเนียม, อาร์พาร์ทเม้นท์ ,หอพัก ตลอดจนพาณิชยรรม ต่างๆ สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งหมดในโซน ตะวันออกและตะวันตกของกทม. อาทิ บริเวณคลองประเวศน์บุรีรมย์ ,ถนนเชื่อมสัมพันธ์ตัดกับถนนสุวิทวงค์ ในเขตหนองจอกเป็นต้น แม้ว่าผังเมืองจะกำหนดให้เป็นพื้นที่เกษตรกรรมก็ตาม
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2119 04 มิ.ย. - 07 มิ.ย. 2549
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น