สคบ.ออกประกาศคุมเข้มธุรกิจให้เช่าที่อยู่อาศัย เผยบ้าน คอนโดฯ อพาร์ตเมนต์ตั้งแต่ 5 หน่วยขึ้นไป หากให้เช่าโดยเรียกเงินประกันจากผู้เช่าเข้าข่ายต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข พร้อมห้ามระบุข้อความจะไม่คืนเงินประกันดัดหลังพวกชอบเอาเปรียบคนเช่า
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า จากที่นายขวัญชัย สันตสว่าง ประธานคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาภายใต้ สคบ. ได้ออกประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2549 เรื่องให้ธุรกิจการให้เช่าที่อยู่อาศัยที่เรียกเงินประกันเป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ.2549 และกำหนดให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550 มีสาระสำคัญดังนี้
ให�คำจำกัดความ "ธุรกิจการให้เช่าที่อยู่อาศัย" ว่า หมายถึง การประกอบธุรกิจที่ผู้ประกอบธุรกิจทำการตกลงกับผู้เช่าในการให้เช่าที่อยู่อาศัยโดยมีสถานที่ที่จัดแบ่งให้เช่าตั้งแต่ 5 หน่วยขึ้นไป เช่น บ้าน อาคาร อาคารชุด อพาร์ตเมนต์ หรือสถานที่พักอาศัยที่เรียกชื่ออย่างอื่น รวมถึงหอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก แต่ไม่รวมถึงสถานที่พักที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม
ส่วน "ผู้ประกอบธุรกิจ" หมายถึง ผู้ประกอบธุรกิจการให้เช่าที่อยู่อาศัย โดยเรียกเงินค่าเช่าหรือค่าตอบแทนอย่างอื่นเพื่อการเช่าจากผู้เช่าขณะที่ "ผู้เช่า" หมายถึง ผู้บริโภคซึ่งเช่าที่อยู่อาศัยเพื่อการพักอาศัยเป็นหลัก และการเช่านั้นต้องมิใช่เป็นการเช่าเพื่อให้เช่าช่วง และไม่รวมถึงผู้บริโภคซึ่งเป็นนิติบุคคล ส่วน "เงินประกัน" หมายถึง เงินที่ผู้เช่ามอบให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจเป็นค่าประกันการเช่าที่อยู่อาศัย หรือค่าประกันความเสียหาย หรือเงินอื่นใดที่ผู้ประกอบธุรกิจเรียกเก็บจากผู้เช่าในลักษณะทำนองเดียวกัน
ทั้งนี้ กำหนดให้ธุรกิจการให้เช่าที่อยู่อาศัยที่เรียกเงินประกัน เป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน ผู้ประกอบธุรกิจต้องจัดให้มีหลักฐานการรับเงิน และมอบให้แก่ผู้เช่าในทันทีที่รับเงินประกันจากผู้เช่า และต้องใช้ข้อความที่มีสาระสำคัญและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
1.ชื่อและที่อยู่ของผู้ประกอบธุรกิจ และผู้มีอำนาจออกหลักฐานการรับเงิน 2.ชื่อและที่อยู่ของผู้เช่า 3.ชื่อและสถานที่ตั้งของที่อยู่อาศัย
4.กำหนดเวลาเช่า ระบุวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดการเช่า (ถ้ามี) 5.วัน เดือน ปี ที่รับเงินประกัน
6.จำนวนเงินประกัน และข้อความว่าผู้เช่ามีสิทธิได้รับคืนเงินประกันทันทีเมื่อสิ้นสุดเวลาเช่าหรือเมื่อสัญญาเช่าเลิกกัน เว้นแต่กรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจประสงค์จะตรวจสอบความเสียหาย หากผู้เช่ามิได้ทำความเสียหายให้มีสิทธิได้รับคืนเงินประกันภายใน 7 วัน โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจรับภาระค่าใช้จ่ายในการนำส่งคืนเงินประกันนั้น และ 7.ลายมือชื่อของผู้ประกอบธุรกิจ หรือผู้มีอำนาจออกหลักฐานการรับเงิน
โดยที่หลักฐานการรับเงินจะต้องไม่มีข้อความที่มีความหมายในทำนองว่า ผู้ประกอบธุรกิจจะไม่คืนเงินประกันให้แก่ผู้เช่าทั้งหมดไม่ว่ากรณีใดๆ สำหรับผู้ประกอบการที่กระทำการฝ่าฝืนจะได้รับโทษตามบทกำหนดโทษ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522
จากหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 3866 (3066)
29 มกราคม 2550
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น