พื้นที่รอบสนามบินสุวรรณภูมิส่อเค้าจมบาดาลอีกนาน กรมชลประทานป่วน! รัฐบาล"ทักษิณ"เร่งสร้างแต่ไม่มีงบเวนคืน-ก่อสร้าง หทางออกเฉือนงบโครงการอื่นอุตลุด ลุยโปรเจ็กต์คลองระบายน้ำ-ถนนสุวรรณภูมิค่า 8.5พันล้านให้เสร็จทันตามเป้า ยอมรับงบประมาณปี49 แห้งแล้งขอค่าเวนคืน1,300 ล้านได้แค่ 400 ล้าน ส่วนงบเบิกจ่ายล่วงหน้ารับเหมาได้แค่ 10 % จาก 15 % ด้านอธิบดีกรมชลประทานยันไม่มีปัญหาเตรียมโยกงบล้างท่อ 900 ล้านช่วย
แหล่งข่าวระดับสูงจากกรมชลประทาน เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ถึงความคืบหน้าโครงการตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อสร้างคลองระบายน้ำสายใหม่รอบสนามบินสุวรรณภูมิช่วงคลองสำโรง-คลองชายทะเลและแนวถนนทั้งสองฝั่งระยะทาง 12 กิโลเมตร มูลค่า 8,500 ล้านบาทว่า ขณะนี้บริษัทผู้รับเหมาได้ลงพื้นที่ดำเนินการก่อสร้างแล้วแต่ยังมีคืบหน้าไม่มากนักและอาจล่าช้ากว่าเป้าที่วางไว้
ทั้งนี้เนื่องจาก ติดปัญหางบประมาณปี2549 (ตุลาคม 2548-กันยายน2549) ที่ได้รับค่อนข้างจำกัดได้แก่ ค่าเวนคืนที่ดินได้รับเพียง 400ล้านบาท จากที่ เสนอของบประมาณไป 1,300 ล้านบาทเพื่อจ่ายเป็นค่าเวนคืนที่ดินให้ได้ตามเป้า 50 % ของผู้ที่ถูกเวนคืนทั้งหมด 217ราย เฉลี่ยรายละ 10 ไร่ ส่วนค่าเวนคืนที่เหลืออีก 1,000 กว่าล้านบาท จะอยู่ในกรอบงบประมาณ ปี 2550(ตุลาคม 2549-กันยายน 2550 ) ที่เข้าใจว่าต้องรอรัฐบาลชุดใหม่อนุมัติไม่แน่ใจว่าจะนานแค่ไหน
นอกจากนี้แล้วทางสำนักงบประมาณยังได้เบิกจ่ายงบค่าก่อสร้างในปี 2549 เพื่อเป็นงบเบิกจ่ายล่วงหน้าให้กับบริษัทผู้รับเหมา จำนวน 3 สัญญา เพียง 10 % ของวงเงินค่าก่อสร้าง ได้แก่ สัญญาที่ 1 ได้รับ 140 ล้านบาท จากค่าก่อสร้าง 1,400 ล้านบาท สัญญาที่ 2 ได้รับ 130 ล้านบาท จากค่าก่อสร้าง 1,300 ล้านบาท และสัญญาที่ 3 ได้รับ 300 กว่าล้านบาท จากค่าก่อสร้าง 3,000 กว่าล้านบาท ทั้งนี้งบที่ได้รับถือว่าน้อยมาก ตามข้อเท็จจริงแล้วต้องเบิกจ่ายให้ผู้รับเหมา รายละ15 % เกรงว่าจะมีผลกระทบต่อผู้รับเหมา เพราะขณะนี้ต้นทุนค่าก่อสร้างที่เกิดจากราคาน้ำมัน ,อัตราดอกเบี้ยได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก
อย่างไรก็ดีจากปัญหาดังกล่าวนี้เอง กรมได้หาทางออกด้วยการตัดงบประมาณของโครงการที่ยังไม่พร้อมดำเนินการในปีนี้แต่ได้รับงบประมาณอาทิ การก่อสร้างฝายทั่วประเทศ นำมาหมุนใช้โครงการก่อสร้างคลองระบายน้ำที่เป็นโครงการเร่งด่วนก่อน ซึ่งขณะนี้ในส่วนของงบประมาณเวนคืนที่ดินได้เพิ่มเพียง 200ล้านบาทรวมกับงบประมาณที่ได้รับเป็น 600 ล้านบาท ยังขาดอีก 700ล้านบาท ซึ่งจะต้องจัดสรรให้ได้ตามเป้าที่ว่างไว้ ไม่เช่นนั้นประชาชนที่ได้รับผลกระทบต่อการเวนคืนที่ดินจะไม่ออกไปจากพื้นที่ทำให้งานก่อสร้างเป็นไปด้วยความยากลำบากมากขึ้น
ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่ามีผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนที่ถูกเวนคืนในพื้นที่เขตคลองจำนวน 217 ราย ในพื้นที่ 3 ตำบล 2 อำเภอ ของจังหวัดสมุทรปราการสรุปได้ดังนี้คือ ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จำนวน 10 ราย จำนวน 120 ไร่ ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จำนวน 164 ราย จำนวน 807 ไร่ และตำบลบางปู อำเภอเมือง จำนวน 43 ราย จำนวน 303 ไร่
อย่างไรก็ดี หากหางบเพิ่มเติมไม่ครบ1,300ล้านบาท กรมจะขอใช้พื้นที่จากประชาชนก่อนแล้วค่อยทะยอยจ่ายเงินชดเชยภายหลัง แต่มีปัญหาว่าบางรายเข้าใจและยินยอม แต่ส่วนใหญ่จะไม่ยินยอม ส่วนงบก่อสร้างเช่นเดียวกันกรมจะใช้วิธีตัดงบประมาณจากโครงการอื่นก่อนเช่นกัน
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า จะเร่งรัดงานก่อสร้างให้เร็วที่สุดซึ่งตามสัญญาจะแล้วเสร็จปลายปี2550 ถึงต้นปี 2551 เพราะคลองดังกล่าวจะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมโดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งในเขตกรุงเทพมหานครและสมุทรปราการ แต่เนื่องจากประเมินกันว่าปริมาณน้ำในปีนี้ทั้งปริมาณน้ำฝน ,น้ำทะเลหนุน และน้ำที่ไหลบ่าจากทางตอนเหนือของกทม.ค่อนข้างมากกว่าปกติ ในขณะที่คลองดังกล่าวกลับมีผลกระทบทางด้านงบประมาณ
ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุด ก็คือ กรมจะต้องเร่งแรงดันน้ำ ระบายออกจากคูคลองที่มีอยู่เดิมออกทางอ่าวไทยโดยเร็วที่สุด เพราะสนามบินจะต้องปิดกั้นน้ำและสูบน้ำออกมาทิ้งไว้บริเวณพื้นที่รอบนอกตัวสนามบิน ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่หากมีมาตราการป้องกันไม่ดี อีกทั้งยังมีแผนชะลอน้ำทางตอนเหนือด้วยการปิดประตูน้ำไม่ให้เข้าพื้นที่กทม.และระบายออกไปทางจังหวัดอ่างทอง ,สิงห์บุรี,อยุธยา ฯลฯ ให้ไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรมกว่า 200,000 ไร่ จะช่วยชะลอปัญหาดังกล่าวได้
สำหรับโครงการก่อสร้างคลองระบายน้ำสายหลักบริเวณโดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิช่วงคลองสำโรง-ชายทะเลและแนวถนนหากก่อสร้างแล้วเสร็จ จะช่วยลดสภาวะน้ำท่วมและความเสียหายจากอุทกภัยได้อย่างมีประสิทธิผล นอกจากนี้แล้วยังสามารถติดตามสภาพน้ำหลากและการทำงานของเครื่องสูบน้ำในการบริหารจัดการน้ำหลากทั้งระบบลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง
นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งกักน้ำไว้บางส่วนสำหรับทำการเกษตรหรือกิจกรรมอื่นบริเวณใกล้เคียง เพื่อเป็นถนนเชื่อมโยงถนนสุขุมวิท-เทพารักษ์ และถนนบางนา-ตราด ทำให้สามารถช่วยลดปัญหาการจราจรของจังหวัดสมุทรปราการซึ่งปัจจุบันมีปัญหาค่อนข้างมากและจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเมื่อสนามบินสุวรรณภูมิเปิดดำเนินการ และช่วยเสริมการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและระบบนิเวศของจังหวัดสมุทรปราการ
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า โครงการดังกล่าวจะสามารถระบายน้ำได้ 100 ลูกบาร์ศเมตร/วินาที เพื่อเร่งระบายน้ำจากบริเวณคลองสำโรงออกสู่ทะเลโดยเร็วและสามารถลดระดับน้ำหลากบริเวณด้านใต้สนามบินและข้างเคียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งยืนยันว่าจะสามารถรองรับปริมาณน้ำเหนือที่ไหลบ่ามาจากทางตอนเหนือของกทม. น้ำฝน และน้ำทะเลหนุนได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ดีกรมได้ศึกษาจากปริมาณน้ำหลากสูงสุดที่เกิดจากฝนตกภายในพื้นที่เร่งด่วนที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2533 โดยมีปริมาณฝนสะสมสูงสุด 7 วัน และ 30 วัน เท่ากับ 280และ 436.2 มิลลิเมตร ตามลำดับ โดยมีรอบปีการเกิดประมาณ 25 ปี ซึ่งปริมาณน้ำหลากปี2533 ได้ใช้เป็นเกณฑ์ในการออกแบบเพื่อแก้ไขปัญหาการระบายน้ำและบรรเทาน้ำท่วมในบริเวณพื้นที่เร่งด่วน
"มีปัญหาว่าหากล่าช้ากว่าแผนเมื่อสนามบินสุวรรณภูมิเปิดใช้จะมีผลกระทบต่อการระบายน้ำและปัญหาน้ำท่วมได้ "
ทั้งนี้"ฐานเศรษฐกิจ"ได้สอบถามไปยังนาย สามารถ โชค คณาพิทักษ์ อธิบดีกรมชลประทาน ถึงผลกระทบต่อโครงการคลองระบายน้ำบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ ฯที่อาจจะก่อสร้างล่าช้าออกไปจากแผนและเกิดปัญหาน้ำท่วมบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ และพื้นที่โดยรอบ ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่มีผลกระทบอะไร เพราะงบประมาณโดยเฉพาะค่าเวนคืนที่ดินนั้น กรมได้รับ2,000 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเวนคืนที่ดินทั่วประเทศ หากโครงการไหนยังไม่มีความพร้อมก็สามารถโยกงบดังกล่าวมากหมุนใช้เวนคืนและก่อสร้างโครงการเร่งด่วนก่อนได้ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างคลองฯ อย่างไรก็ดีเข้าใจว่าราคาประเมินที่ต้องจ่ายจะสูงมากเพราะเป็นทำเลที่ดี ดังนั้นต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูง
ดังนั้นงบประมาณที่จะออกมาใช้น่าจะเป็นงบล้างท่อ หรืองบประมาณที่ใช้ไม่หมดและต้องส่งสำนักงบประมาณ ในปีงบประมาณ2549 ประมาณ 900ล้านบาท จะเข้ามาช่วยโครงการนี้ได้ทั้งค่าเวนคืนและค่าก่อสร้าง "หากสนามบินเปิดใช้จะมีปัญหาว่าพื้นทีรอบๆสนามบินจะเกิดน้ำท่วมทันที เพราะสนามบินได้ใช้มาตราการป้องกันปัญหาน้ำท่วมด้วยการสูบน้ำออกมาทิ้งพื้นที่รอบนอกหากคลองยังไม่เสร็จก็จะเกิดปัญหาตามมาได้ "
สำหรับทางออกที่ป้องกันปัญหาน้ำท่วมใหญ่ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปีนี้ กรณีที่คลองดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จนั้น กรมได้เร่งขุดลอกคลองเก่าที่มีอยู่ 17 สาย เพื่อให้ระบายลงสู่อ่าวไทยได้เร็วขึ้น เป็นต้น
อนึ่ง โครงการก่อสร้างคลองระบายน้ำสถานีสูบน้ำ สะพานน้ำยกระดับพร้อมอาคารประกอบส่วนที่ 3 โครงการระบายน้ำบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิสัญญาที่ 2 ราคากลาง 3,078,479 ,000 บาท ที่กิจการร่วมค้าเอสแอลชนะประมูลวงเงิน 2,894,027,504 บาท และโครงการระบายน้ำบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิสัญญาที่ 1 ราคากลาง 1,473,500,500 บาท ที่ บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) ชนะประมูลโดยเสนอราคาต่ำสุด1,465,786,094 บาท
แหล่งข่าวระดับสูงจากกรมชลประทาน เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ถึงความคืบหน้าโครงการตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อสร้างคลองระบายน้ำสายใหม่รอบสนามบินสุวรรณภูมิช่วงคลองสำโรง-คลองชายทะเลและแนวถนนทั้งสองฝั่งระยะทาง 12 กิโลเมตร มูลค่า 8,500 ล้านบาทว่า ขณะนี้บริษัทผู้รับเหมาได้ลงพื้นที่ดำเนินการก่อสร้างแล้วแต่ยังมีคืบหน้าไม่มากนักและอาจล่าช้ากว่าเป้าที่วางไว้
ทั้งนี้เนื่องจาก ติดปัญหางบประมาณปี2549 (ตุลาคม 2548-กันยายน2549) ที่ได้รับค่อนข้างจำกัดได้แก่ ค่าเวนคืนที่ดินได้รับเพียง 400ล้านบาท จากที่ เสนอของบประมาณไป 1,300 ล้านบาทเพื่อจ่ายเป็นค่าเวนคืนที่ดินให้ได้ตามเป้า 50 % ของผู้ที่ถูกเวนคืนทั้งหมด 217ราย เฉลี่ยรายละ 10 ไร่ ส่วนค่าเวนคืนที่เหลืออีก 1,000 กว่าล้านบาท จะอยู่ในกรอบงบประมาณ ปี 2550(ตุลาคม 2549-กันยายน 2550 ) ที่เข้าใจว่าต้องรอรัฐบาลชุดใหม่อนุมัติไม่แน่ใจว่าจะนานแค่ไหน
นอกจากนี้แล้วทางสำนักงบประมาณยังได้เบิกจ่ายงบค่าก่อสร้างในปี 2549 เพื่อเป็นงบเบิกจ่ายล่วงหน้าให้กับบริษัทผู้รับเหมา จำนวน 3 สัญญา เพียง 10 % ของวงเงินค่าก่อสร้าง ได้แก่ สัญญาที่ 1 ได้รับ 140 ล้านบาท จากค่าก่อสร้าง 1,400 ล้านบาท สัญญาที่ 2 ได้รับ 130 ล้านบาท จากค่าก่อสร้าง 1,300 ล้านบาท และสัญญาที่ 3 ได้รับ 300 กว่าล้านบาท จากค่าก่อสร้าง 3,000 กว่าล้านบาท ทั้งนี้งบที่ได้รับถือว่าน้อยมาก ตามข้อเท็จจริงแล้วต้องเบิกจ่ายให้ผู้รับเหมา รายละ15 % เกรงว่าจะมีผลกระทบต่อผู้รับเหมา เพราะขณะนี้ต้นทุนค่าก่อสร้างที่เกิดจากราคาน้ำมัน ,อัตราดอกเบี้ยได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก
อย่างไรก็ดีจากปัญหาดังกล่าวนี้เอง กรมได้หาทางออกด้วยการตัดงบประมาณของโครงการที่ยังไม่พร้อมดำเนินการในปีนี้แต่ได้รับงบประมาณอาทิ การก่อสร้างฝายทั่วประเทศ นำมาหมุนใช้โครงการก่อสร้างคลองระบายน้ำที่เป็นโครงการเร่งด่วนก่อน ซึ่งขณะนี้ในส่วนของงบประมาณเวนคืนที่ดินได้เพิ่มเพียง 200ล้านบาทรวมกับงบประมาณที่ได้รับเป็น 600 ล้านบาท ยังขาดอีก 700ล้านบาท ซึ่งจะต้องจัดสรรให้ได้ตามเป้าที่ว่างไว้ ไม่เช่นนั้นประชาชนที่ได้รับผลกระทบต่อการเวนคืนที่ดินจะไม่ออกไปจากพื้นที่ทำให้งานก่อสร้างเป็นไปด้วยความยากลำบากมากขึ้น
ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่ามีผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนที่ถูกเวนคืนในพื้นที่เขตคลองจำนวน 217 ราย ในพื้นที่ 3 ตำบล 2 อำเภอ ของจังหวัดสมุทรปราการสรุปได้ดังนี้คือ ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จำนวน 10 ราย จำนวน 120 ไร่ ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จำนวน 164 ราย จำนวน 807 ไร่ และตำบลบางปู อำเภอเมือง จำนวน 43 ราย จำนวน 303 ไร่
อย่างไรก็ดี หากหางบเพิ่มเติมไม่ครบ1,300ล้านบาท กรมจะขอใช้พื้นที่จากประชาชนก่อนแล้วค่อยทะยอยจ่ายเงินชดเชยภายหลัง แต่มีปัญหาว่าบางรายเข้าใจและยินยอม แต่ส่วนใหญ่จะไม่ยินยอม ส่วนงบก่อสร้างเช่นเดียวกันกรมจะใช้วิธีตัดงบประมาณจากโครงการอื่นก่อนเช่นกัน
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า จะเร่งรัดงานก่อสร้างให้เร็วที่สุดซึ่งตามสัญญาจะแล้วเสร็จปลายปี2550 ถึงต้นปี 2551 เพราะคลองดังกล่าวจะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมโดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งในเขตกรุงเทพมหานครและสมุทรปราการ แต่เนื่องจากประเมินกันว่าปริมาณน้ำในปีนี้ทั้งปริมาณน้ำฝน ,น้ำทะเลหนุน และน้ำที่ไหลบ่าจากทางตอนเหนือของกทม.ค่อนข้างมากกว่าปกติ ในขณะที่คลองดังกล่าวกลับมีผลกระทบทางด้านงบประมาณ
ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุด ก็คือ กรมจะต้องเร่งแรงดันน้ำ ระบายออกจากคูคลองที่มีอยู่เดิมออกทางอ่าวไทยโดยเร็วที่สุด เพราะสนามบินจะต้องปิดกั้นน้ำและสูบน้ำออกมาทิ้งไว้บริเวณพื้นที่รอบนอกตัวสนามบิน ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่หากมีมาตราการป้องกันไม่ดี อีกทั้งยังมีแผนชะลอน้ำทางตอนเหนือด้วยการปิดประตูน้ำไม่ให้เข้าพื้นที่กทม.และระบายออกไปทางจังหวัดอ่างทอง ,สิงห์บุรี,อยุธยา ฯลฯ ให้ไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรมกว่า 200,000 ไร่ จะช่วยชะลอปัญหาดังกล่าวได้
สำหรับโครงการก่อสร้างคลองระบายน้ำสายหลักบริเวณโดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิช่วงคลองสำโรง-ชายทะเลและแนวถนนหากก่อสร้างแล้วเสร็จ จะช่วยลดสภาวะน้ำท่วมและความเสียหายจากอุทกภัยได้อย่างมีประสิทธิผล นอกจากนี้แล้วยังสามารถติดตามสภาพน้ำหลากและการทำงานของเครื่องสูบน้ำในการบริหารจัดการน้ำหลากทั้งระบบลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง
นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งกักน้ำไว้บางส่วนสำหรับทำการเกษตรหรือกิจกรรมอื่นบริเวณใกล้เคียง เพื่อเป็นถนนเชื่อมโยงถนนสุขุมวิท-เทพารักษ์ และถนนบางนา-ตราด ทำให้สามารถช่วยลดปัญหาการจราจรของจังหวัดสมุทรปราการซึ่งปัจจุบันมีปัญหาค่อนข้างมากและจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเมื่อสนามบินสุวรรณภูมิเปิดดำเนินการ และช่วยเสริมการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและระบบนิเวศของจังหวัดสมุทรปราการ
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า โครงการดังกล่าวจะสามารถระบายน้ำได้ 100 ลูกบาร์ศเมตร/วินาที เพื่อเร่งระบายน้ำจากบริเวณคลองสำโรงออกสู่ทะเลโดยเร็วและสามารถลดระดับน้ำหลากบริเวณด้านใต้สนามบินและข้างเคียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งยืนยันว่าจะสามารถรองรับปริมาณน้ำเหนือที่ไหลบ่ามาจากทางตอนเหนือของกทม. น้ำฝน และน้ำทะเลหนุนได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ดีกรมได้ศึกษาจากปริมาณน้ำหลากสูงสุดที่เกิดจากฝนตกภายในพื้นที่เร่งด่วนที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2533 โดยมีปริมาณฝนสะสมสูงสุด 7 วัน และ 30 วัน เท่ากับ 280และ 436.2 มิลลิเมตร ตามลำดับ โดยมีรอบปีการเกิดประมาณ 25 ปี ซึ่งปริมาณน้ำหลากปี2533 ได้ใช้เป็นเกณฑ์ในการออกแบบเพื่อแก้ไขปัญหาการระบายน้ำและบรรเทาน้ำท่วมในบริเวณพื้นที่เร่งด่วน
"มีปัญหาว่าหากล่าช้ากว่าแผนเมื่อสนามบินสุวรรณภูมิเปิดใช้จะมีผลกระทบต่อการระบายน้ำและปัญหาน้ำท่วมได้ "
ทั้งนี้"ฐานเศรษฐกิจ"ได้สอบถามไปยังนาย สามารถ โชค คณาพิทักษ์ อธิบดีกรมชลประทาน ถึงผลกระทบต่อโครงการคลองระบายน้ำบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ ฯที่อาจจะก่อสร้างล่าช้าออกไปจากแผนและเกิดปัญหาน้ำท่วมบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ และพื้นที่โดยรอบ ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่มีผลกระทบอะไร เพราะงบประมาณโดยเฉพาะค่าเวนคืนที่ดินนั้น กรมได้รับ2,000 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเวนคืนที่ดินทั่วประเทศ หากโครงการไหนยังไม่มีความพร้อมก็สามารถโยกงบดังกล่าวมากหมุนใช้เวนคืนและก่อสร้างโครงการเร่งด่วนก่อนได้ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างคลองฯ อย่างไรก็ดีเข้าใจว่าราคาประเมินที่ต้องจ่ายจะสูงมากเพราะเป็นทำเลที่ดี ดังนั้นต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูง
ดังนั้นงบประมาณที่จะออกมาใช้น่าจะเป็นงบล้างท่อ หรืองบประมาณที่ใช้ไม่หมดและต้องส่งสำนักงบประมาณ ในปีงบประมาณ2549 ประมาณ 900ล้านบาท จะเข้ามาช่วยโครงการนี้ได้ทั้งค่าเวนคืนและค่าก่อสร้าง "หากสนามบินเปิดใช้จะมีปัญหาว่าพื้นทีรอบๆสนามบินจะเกิดน้ำท่วมทันที เพราะสนามบินได้ใช้มาตราการป้องกันปัญหาน้ำท่วมด้วยการสูบน้ำออกมาทิ้งพื้นที่รอบนอกหากคลองยังไม่เสร็จก็จะเกิดปัญหาตามมาได้ "
สำหรับทางออกที่ป้องกันปัญหาน้ำท่วมใหญ่ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปีนี้ กรณีที่คลองดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จนั้น กรมได้เร่งขุดลอกคลองเก่าที่มีอยู่ 17 สาย เพื่อให้ระบายลงสู่อ่าวไทยได้เร็วขึ้น เป็นต้น
อนึ่ง โครงการก่อสร้างคลองระบายน้ำสถานีสูบน้ำ สะพานน้ำยกระดับพร้อมอาคารประกอบส่วนที่ 3 โครงการระบายน้ำบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิสัญญาที่ 2 ราคากลาง 3,078,479 ,000 บาท ที่กิจการร่วมค้าเอสแอลชนะประมูลวงเงิน 2,894,027,504 บาท และโครงการระบายน้ำบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิสัญญาที่ 1 ราคากลาง 1,473,500,500 บาท ที่ บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) ชนะประมูลโดยเสนอราคาต่ำสุด1,465,786,094 บาท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2123 18 มิ.ย. - 21 มิ.ย. 2549
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น