25 มิถุนายน 2549

'บสก.'เกาะกระแสสุวรรณภูมิฮอต งัดที่ดินกว่า 1,000 ไร่รอบสนามบินขาย

บสก.เตรียมเปิดประมูลทรัพย์ทำเลทองกว่าพันไร่ย่านสุวรรณภูมิ/รัชดาภิเษก/สุรวงศ์ เผยทุนอสังหาฯตอมหึ่ง เล็งสร้างโรงแรม-คอนโด ขณะเดียวกันปรับกลยุทธ์ในการขายบ้านเอ็นพีเอ ทุ่มงบ 200 ล้านบาท ปรับปรุง-ซ่อมแซมให้บ้านใหม่ หวังปั้นแบรนด์บ้านเอ็นพีเอ "บสก." แจ้งเกิดในตลาดที่อยู่อาศัย การันตีพร้อมอยู่จริง
นายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์จำกัด (บสก.) เปิดเผยว่า เร็วๆนี้ บสก.จะเปิดประมูลที่ดินติดถนนสุรวงศ์ พื้นที่ 349.40 ตารางวา ที่ดินเปล่าในย่านบางนา-ตราด กม.27 พื้นที่ 216 ติดหมู่บ้านเสรี บางนา, ที่ดินเปล่า ถนนสุขุมวิทสายเก่าติดทะเลอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ พื้นที่ 474 ไร่, ที่ดินเปล่าติดถนนวัดศรีวารีน้อย แยกจากถนนบางนา-ตราด กม.18 พื้นที่ 98 ไร่ และกม.34 อีก 700 ไร่, ที่ดินโครงการเซ็นจูรี่ปาร์ค รัชดา ติดสถานทูตจีน พื้นที่ 8 ไร่ ราคาเสนอขาย 150 ล้านบาท, ที่ดินเปล่าติดถนนวิภาวดี-รังสิต พื้นที่ 1 ไร่ และที่ดินโครงการปาร์ค อเวนิว สุขุมวิท 71 พื้นที่ 2 ไร่ ส่วนต่างจังหวัดจะมีที่ดินติดชายทะเล จังหวัดระยอง พื้นที่ประมาณ 30 ไร่
อย่างไรก็ดี ขณะนี้กลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์ให้ความสนใจหลายราย อาทิ แปลงที่ติดถนนสุรวงศ์ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มทุนที่จะซื้อไปสร้างโรงแรม และแปลงที่ดินที่ติดสถานทูตจีน สี่แยกเหม่งจ๋ายก็มีผู้ประกอบการฯ คอนโดมิเนียมให้ความสนใจหลายรายโดยอยู่ระหว่างการตัดสินใจ เช่นเดียวกับที่ดินรอบสุวรรณภูมิที่มีกลุ่มทุนเข้ามาติดต่อขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการการประมูล แต่ทั้งนี้บสก.ยังไม่ได้กำหนดวันที่แน่ชัด
นายบรรยง กล่าวต่อว่า จากแนวโน้มสินทรัพย์รอการขาย (NPA) ที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องอีกหลายปีแต่ภาวะเศรษฐกิจกลับเติบโตในทิศทางที่ลดลงสวนทางกัน สินทรัพย์ที่เป็นที่อยู่อาศัยหากยังใช้แนวทางการขายทรัพย์แบบเดิมๆ คือขายตามสภาพความเป็นจริง เชื่อว่าจะสามารถขายทรัพย์ได้ลำบากขึ้นเพราะทรัพย์นั้นมีแต่จะทรุดโทรมลงไป ดังนั้นบสก.จึงปรับกลยุทธ์ในการขายทรัพย์ใหม่โดยนำทรัพย์นั้นมาปรับปรุง-ซ่อมแซม ให้มีสภาพใหม่พร้อมอยู่ ทั้งจัดการในเรื่องของการขอน้ำ-ไฟ, การป้องกันปลวก และการประกันอัคคีภัย ซึ่งในอนาคตจะมีการบริหารหลังการขายเข้ามาด้วย โดยรับประกันว่าต่อไปนี้บ้านที่ขายโดยบสก.จะมีความพร้อมอยู่จริง ทั้งนี้เพื่อสร้างแบรนด์บ้านบสก.ให้เกิดขึ้นในตลาดที่อยู่อาศัย
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา บสท.ได้พัฒนาทรัพย์ไปแล้ว 4 โครงการ เป็นที่อยู่อาศัย 2 โครงการ คือโครงการบางเขนซิตี้แมนชั่น ย่านรามอินทรา กม. 2 ซึ่งบสก.ได้รับโอนมาจำนวน 100 ห้อง ขนาด 30 ตารางเมตร เมื่อปรับปรุงแล้วมีราคาขายยูนิตละ 4 แสนกว่าบาท , โครงการรอยัล นาวิน ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับปรุง เป็นคอนโดมิเนียม บสก.รับโอนมาจำนวน 50 ห้อง ราคาขายอยู่ที่ 20,000 กว่าบาทต่อตารางเมตร ส่วนอีก 2 โครงการเป็นตลาดสดศิริกรณ์พร้อมอาคารพาณิชย์ ในจังหวัดเชียงราย จำนวน 50 ยูนิต และที่ดินเปล่า 6 ไร่ ย่านถนนเอกชัย แขวงบางบอน
สำหรับโครงการที่บสก.กำลังจะพัฒนาในเร็วๆนี้ คือ โครงการหมู่บ้านสิรธานี ถนนราชชนนี เป็นบ้านเดี่ยวจำนวน 20 ยูนิต และยังมีที่ดินเปล่าในโครงการอีกหลายแปลง ราคาขายหลังปรับปรุงอยู่ประมาณ 2.7-8 ล้านบาท, โครงการหมู่บ้านฉัตรไพลิน ย่านลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี เป็นทาวน์เฮ้าส์ จำนวน 400 ยูนิต และที่ดินรอการพัฒนาอีก 300 หลัง จากทั้งสิ้น 700 หลัง ทั้งนี้ บสก.จะทยอยปรับปรุงทำเป็นเฟส ๆ แรก 30 ยูนิต ขนาดพื้นที่ 18 ตารางวา ราคาขาย 4.5 แสนบาทต่อยูนิต กรณีเป็นที่ดินเปล่า บสก.จะทำวิเคราะห์การลงทุนให้ด้วยว่าเหมาะสมกับการพัฒนาเป็นอะไร โดยบสก.ยังมีโครงการบ้านจัดสรรอยู่ในมือที่รอการขายอยู่นับ 10 โครงการด้วยกัน แต่จะนำมาพัฒนาเมื่อมีโอกาสทางการตลาด อาทิ โครงการสินทรมหาชัย ที่มีจำนวนบ้านถึง 700 ยูนิต แต่ยังไม่สามารถป้อนสินค้าเข้าสู่ตลาดได้เนื่องจากยังไม่มีน้ำประปาใช้ อย่างไรก็ดี ราคาที่บสก.กำหนดขายจะต่ำกว่าตลาดประมาณ 30%
ทั้งนี้บสก.จะเพิ่มวงเงินงบประมาณในการปรับปรุงบ้านจาก 100 ล้านบาท เป็น 200 ล้านบาท เนื่องจากบางโครงการสร้างยังไม่เสร็จและต้องใส่เงินเพิ่มเข้าไปเพื่อเพิ่มโอกาสทางการขายให้กับสินทรัพย์ ซึ่งจะทำให้บสก.มีค่าใช้จ่ายมากกว่า 15% ของยอดขายและอาจอยู่ในระดับที่ 30% ซึ่งเกินเพดานที่คณะกรรมการกำหนดไว้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บสก.มีทรัพย์สินรอการขาย ณ เดือนมีนาคม 2549 รวมมูลค่า 38,569 ล้านบาท เป็นที่ดินและที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง มูลค่า 36,621 ล้านบาท และในสิ้นปีนี้บสก.จะมีสินทรัพย์รอการขายแตะระดับที่ 100,000 ล้านบาท เนื่องจากบสก.จะนำทรัพย์ที่เป็นเอ็นพีเอจากธนาคารพาณิชย์ต่างๆ มาขาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างคัดเลือกทรัพย์โดยทั้งระบบของธนาคารพาณิชย์มีอยู่ประมาณ 1.8 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นหนี้ด้อยคุณภาพ หรือเอ็นพีแอล 4.7 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้การโอนเอ็นพีเอจากธนาคารพาณิชย์ต่างๆ มายังบสก.จะช่วยปลดภาระให้กับธนาคารพาณิชย์ เพราะนับวันสินทรัพย์ก็จะมีแต่เสื่อมโทรม หากขายไม่ได้ก็จะต้องเพิ่มภาระในการบำรุงรักษา อีกทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยให้ธนาคารพาณิชย์ถือครองทรัพย์ได้ไม่เกิน 5-10 ปีเท่านั้น และเมื่อโอนเอ็นพีเอมายังบสก. ธนาคารพาณิชย์ก็จะสามารถนำเอ็นพีแอลกลับเข้าบริหารได้
สำหรับผลประกอบการของบสกในช่วง 5 เดือน สามารถเรียกเก็บเป็นเงินสดได้ 4,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้า 1,000 ล้านบาท โดยทั้งปีอยู่ที่ 12,651 ล้านบาท ส่วนการขายเอ็นพีเอในช่วง 5 เดือน ได้ 1,500 ล้านบาท เฉลี่ยขายต่อเดือนอยู่ที่ 300 ล้านบาท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2125 25 มิ.ย. - 28 มิ.ย. 2549

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก