01 มิถุนายน 2549

'สุวรรณภูมิ'แรงขับเคลื่อน พลิกโฉมใหม่เมืองพัทยา เกตเวย์คลัชเตอร์ภาคตะวันออก

ใกล้กำหนดเปิดสนามบินสุวรรณภูมิเข้าไปเท่าไหร่ ภาพการเปลี่ยนแปลงของเมืองพัทยาก็ยิ่งฉาวแววเด่นชัดมากขึ้น เมื่อมีการขยายการลงทุนของกลุ่มทุนต่างๆทั้งภาคเอกชนและภาครัฐเพื่อรองรับการขยายตัวด้านการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้น ทั้งล่าสุดหัวเรือหลักของสมาคมชั้นนำในธุรกิจท่องเที่ยวอย่างสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) และสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก(ทีเอชเอ)พร้อมด้วยผู้ประกอบการเมืองพัทยา ได้เดินสายไปทำโรดโชว์และจัดเสวนาใหญ่เรื่อง"การดำเนินงานของกลุ่ม Cluster : สีสันตะวันออก" เพื่ออัพเดทจุดขายใหม่และเริ่มทำตลาดอย่างจริงจัง และต้องการแก้ไขวิกฤตท่องเที่ยวในปัจจุบันนี้แทนการรอความหวังจากภาครัฐบาล
+เอกชนผนึกกำลังกู้วิกฤต
ต่อเรื่องนี้นายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า การจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นการเป็นการรวมตัวกันของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในการประชุมเพื่อแก้ไขวิกฤติทางการท่องเที่ยว เพราะในขณะนี้ภาคเอกชนไม่สามารถที่จะรอรัฐบาลแก้ไขอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้แล้ว โดยครั้งนี้ได้มีการนำร่องในการจัดประชุมขึ้นที่พัทยาขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากนั้นอาจจะมีการขยายไปยังภูมิภาคต่างๆด้วย อย่างไรก็ดีสำหรับสาเหตุหลักที่ได้เลือกพัทยาเป็นจังหวัดนำร่องเนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทางการท่องเที่ยวสูงมาก โดยเฉพาะท้องถิ่นที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอย่างดี
อีกทั้งจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอน ในขณะนี้ผู้ประกอบการภาคเอกชนจะต้องมีการผนึกกำลังเพื่อแก้ไขสถานการณ์ในปัจจุบัน เนื่องจากภาวะสุญญากาศทางการเมือง ทำให้ภาครัฐไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างเต็มที่ พร้อมกันนี้การจัดกิจกรรมในครั้งนี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้มีการพบกันระหว่างผู้ประกอบการท้องถิ่นและบริษัทนำเที่ยวเพื่อถกปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน พร้อมทั้งมีการอัพเดสโปรดักส์ใหม่ๆด้วย
+อินเตอร์เชนพาเหรดลงทุน
ทั้งนี้สำหรับแนวโน้มของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของพัทยาในปัจจุบันเริ่มกลับเข้าสู่ยุคทองอีกครั้งหลังจากที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของพัทยาจะซบเซาลงไปพักใหญ่ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยอาจกล่าวได้ว่าปัจจัยหลักที่ผลักดันให้การท่องเที่ยวพัทยากลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งจากการเปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะเดียวกันอินเตอร์เชนต่างๆก็เล็งเห็นศักยภาพของพัทยาจึงทำให้การแข่งขันของเมืองพัทยาดุเดือดขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
โดยจากการที่ "ฐานเศรษฐกิจ" ได้มีโอกาสร่วมคณะไปกับสมาคมแอตต้าในการเดินทางในการสำรวจโรงแรมและแหล่งท่องเที่ยว พบว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวขณะนี้พัทยาได้มีการตื่นตัวอย่างมาก เนื่องจากขณะนี้มีกลุ่มทุนเข้ามาลงทุนในการก่อสร้างโรงแรมจำนวนมาก โดยปีนี้คาดว่าจะมีห้องพักเพิ่มขึ้นกว่าหมื่นห้อง ส่งผลให้สิ้นปีนี้คาดว่าจะมีห้องพักทั้งหมดรวมกว่า 5-6 หมื่นห้อง นอกจากนี้ขณะนี้ยังมีเชนต่างๆเข้ามาลงทุนเข้ามาเปิดโรงแรมในพัทยาจำนวนมาก หลังจากที่โซฟิเทล และเชอราตันเปิดตัวไปเมื่อไม่นาน ล่าสุดฮิลตันมีแผนที่จะเปิดโรงแรมฝั่งตรงข้างเชอราตัน และอินเตอร์คอนติเนนตัลได้เข้าไปเทคโอเวอร์โรงแรมรีเจ้นท์มารีน่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังคาดว่าจะมีโรงแรมในกลุ่มแอคคอร์เปิดตัวใหม่ขึ้นอีกหนึ่งแห่ง
สำหรับในส่วนของโรงแรมคนไทยและโรงแรมเก่าแก่ที่เปิดให้บริการมานานแล้ว ก็ไม่หยุดนิ่งโดยโรงแรมส่วนใหญ่ได้มีการปรับโฉมโรงแรมใหม่ทั้งหมด เพื่อรับกระแสการแข่งขันในปัจจุบัน นับตั้งแต่โรงแรมดุสิตธานีได้มีการทุ่มงบประมาณกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งปีนี้จะเป็นเฟสสุดท้ายในการปรับโฉมโรงแรมใหม่ทั้งหมด โรงแรมเอวันทุ่มงบประมาณกว่า 500 ล้านบาทปรับโฉมใหม่ พร้อมทั้งขยายห้องพักอีกกว่า 300 ห้อง ส่งผลให้ขณะนี้มีห้องพักประมาณ 400-500 ห้อง ขณะที่โรงแรมอมารี ออร์คิด บีช รีสอร์ท มีแผนที่จะขยายโรงแรมระดับ 5 ดาวอีก 300 ห้องและห้องประชุมสัมมนา หลังจากได้มีการทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาทในการเปิดห้องอาหารมนตราริมหาดพัทยา
พร้อมกันนี้ยังมีโรงแรมของของนักลงทุนท้องถิ่นเปิดขึ้นมากมาย ขณะเดียวกันในส่วนของภาคธุรกิจอื่นๆ ก็ได้มีการเตรียมตัวที่จะขยายกิจการในการเปิดขึ้น อาทิ สวนเสือศรีราชามีแผนที่จะมีจัดทำสวนสัตว์ไนซ์ซาฟารี เพื่อการขยายระยะเวลาในการเปิดให้บริการเพิ่มขึ้นจากเดิมที่จะปิดให้บริการ 17.00 น.เป็น 22.00 น.แทน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากสนามบินสุวรรณภูมิ
ต่อเรื่องนี้นายชัชวาล ศุภชยานนท์ นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก (ทีเอชเอ) และผู้จัดการทั่วไปโรงแรมดุสิต รีสอร์ท พัทยา เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจท่องเที่ยวเมืองพัทยาขณะนี้อยู่ในช่วงขาขึ้น และมีแนวโน้มในการเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยดูได้จากมีกลุ่มทุนใหม่ๆเพิ่มขึ้นจำนวนมา โดยขณะนี้มีเชนต่างชาติได้แห่เข้ามาเปิดโรงแรมรีสอร์ทในพัทยาเพิ่มขึ้นจำนวนมาก เนื่องจากเห็นศักยภาพการท่องเที่ยวของพัทยา โดยเฉพาะหากสุวรรณภูมิเปิด จะทำให้นักท่องเที่ยวหันมาเที่ยวพัทยามากขึ้น เพราะการเดินทางจากสนามบินมาพัทยาใช้เวลาในการเดินทางแค่เพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งจะส่งผลให้มีการแชร์นักท่องเที่ยวระหว่างกรุงเทพและพัทยา
โดยจุดเด่นของพัทยาที่แตกต่างจากกรุงเทพ คือมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งหาดทรายชายทะเล เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ต่างๆ มีศูนย์ประชุมที่มีมาตรฐานระดับนานาชาติ และไม่มีปัญหาด้านการจราจรอีกด้วย ขณะเดียวกันในส่วนของภาพพจน์ของพัทยาเรื่องสิ่งแวดล้อมก็ดีขึ้นอีกด้วย นายชัชวาล กล่าวในที่สุด
+เร่งพัฒนาสาธารณูปโภค
สำหรับในส่วนของท้องถิ่นอย่างเมืองพัทยา ขณะนี้ก็ได้มีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างเต็มที่เพื่อรองรับการขยายตัวของนักท่องเที่ยวจากการเกิดสนามบินสุวรรณภูมิ ต่อเรื่องนี้นาย นิรันดร์ วัฒนศาสตร์สาธร นายกเมืองพัทยา เผยว่า สำหรับในส่วนของเมืองพัทยานั้นก็ได้มีการเร่งพัฒนาระบบสาธารณูปโภคใหม่ทั้งหมดโดยการใช้งบประมาณหลายร้อยล้านบาท เพื่อรับกระแสการท่องเที่ยวของพัทยา นับตั้งแต่ การขยายถนนมอร์เตอร์เวย์ส่วนที่สอง การขยายถนนสุขุมวิทเพื่อรับสนามบินสุวรรณภูมิ การปรับปรุงถนนและภูมิทัศน์เมืองพัทยา โดยการนำสายไฟฟ้าฝังลงดิน มีการสร้างจุดชมวิวเมืองพัทยา มีการพัฒนาแหลมบาลีอาย เป็นต้น
การพัฒนาตรงนี้ไม่ได้ส่งผลดีแค่พัทยาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่พัทยาจะเป็นเกตเวย์ในการส่งนักท่องเที่ยวต่อเนื่องไปยังคลัชเตอร์ของภาคตะวันออกทั้งหมด คือตั้งแต่ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด นอกจากนี้ยังอาจจะเชื่อมโยงไปชายแดนเขมรได้อีกด้วย ทั้งจากเกาะกงและอรัญประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้การท่องเที่ยวในแทบนี้มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นตามไปด้วย นายกเมืองพัทยากล่าว
+ชู 7 โครงการจุดพลุท่องเที่ยว
ด้านนายชาญชัย ดวงจิตต์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดระยอง กล่าวว่า ขณะนี้ทางสำนักงานได้มีการวางยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวภาคตะวันออกปี 2549-2551 ภายใต้วิสัยทัศน์ "ศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่ได้มาตรฐานสากลและมีการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวหลักและแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพในระหว่างจังหวัดในกลุ่มภูมิภาค" โดยจะมีการดึงพัทยาเป็นจุดขายในการดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในภูมิภาค พร้อมทั้งกระจายล้นออกไปในจังหวัดใกล้เคียง โดยแต่ละจังหวัดนั้นจะมีจุดขายที่แตกต่างกัน
โดยในส่วนของพัทยาจะใช้แคมเปญ "City of Entertainment" หรือ "สนุกทุกตารางนิ้ว" จังหวัดระยองและเสม็ดใช้แคมเปญ "Rayong&Samet The Nearest paradise" หรือ "เที่ยวประทับใจ สนุก ปลอดภัย ไประยอง" ส่วนจันทบุรีใช้แคมเปญ "Chanthaburi city of Gems" หรือ "จันทบุรี อัญมณี ผลไม้ ชายหาด" และสุดท้ายจังหวัดตราดและเกาะช้างใช้แคมเปญ "Oriental of Eden"
นอกจากนี้ภาคตะวันออกยังมีโครงการต่างๆมากมายในการปลุกกระแสการท่องเที่ยวของภาคตะวันออก ได้แก่ การเปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดได้ภายในปลายปี 2549 โครงการพัฒนาจังหวัดจันทรบุรีให้เป็นนครแห่งอัญมณี โครงการพัฒนาเกาะช้างให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวนานาชาติเหมือนสมุยและภูเก็ต โครงการสร้างถนนเลียบทะเลระยอง-จันทบุรี-ตราด โดยจะเป็นทางคู่ขนานถ.สุขุมวิท/ทางหลวงหมายเลข3 พร้อมทั้งพัฒนาจังหวัดภาคตะวันออกภายใต้โครงการริเวียร่า โครงการพัฒนาเส้นทางเชื่อมโยงกับประเทศกัมพูชาด้านจังหวัดจันทบุรีและตราด เชื่อมโยงไพลิน-พระตะบอง-เสียมเรียบ เพื่อเป็นการเพิ่มจุดขายด้านการท่องเที่ยวกลุ่มคลัชเตอร์ภาคตะวันออก
โครงการพัฒนาเส้นทางเชื่อมโยงภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านจังหวัดชลบุรี จันทรบุรี สระแก้ว ซึ่งถือเป็นตลาดนักท่องเที่ยวที่สำคัญของภาคตะวันออกและเป็นการพัฒนาประตูสู่ภาคตะวันออกให้สะดวกสบายยิ่งขึ้นและโครงการเปิดการเดินเรือท่องเที่ยวระหว่างไทย บริเวณเกาะกง จังหวัดตราด แหลมงอบ และอ.แหลมสิงห์ จันทบุรีไปยังกัมพูชาบริเวณเมืองสีหนุวิลล์/กัมปงโสม –พนมเปญ และเชื่อมต่อเนื่องไปยังเวียดนาม เมืองโฮจิมินห์ เพื่อเพิ่มจุดขายให้กับภาคตะวันออก ที่ทั้งหมดล้วนเป็นภาพลักษณ์ใหม่ที่จะเกิดขึ้นของเมืองพัทยาภายใต้แรงขับเคลื่อนหลังเปิดสนามบินสุวรรณภูมินั่นเอง
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2118 01 มิ.ย. - 03 มิ.ย. 2549

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก